อัจฉริยะ เห็นด้วย "บิ๊กโจ๊ก" มอบตัวสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม -อ้างมีข้อมูล 8 นายพล พัวพันเว็บพนันออนไลน์วันนี้ (3 เม.ย.67)นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม  กล่าวถึงกรณีของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล  (บิ๊กโจ๊ก) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกศาลออกหมายจับ ในข้อหาสบคบฟอกเงินฯ และเข้ามอบตัวเมื่อวานนี้ ว่า ตนเองมองว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และรู้สึกดีใจมาก ที่บิ๊กโจ๊ก ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ความจริง ความบริสุทธิ์ในศาล หากไม่ได้ทำผิดอะไรให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล เมื่อเป็นผู้รักษากฎหมายต้องทำตามกฎหมาย  อย่ามัวแต่เชื่อทนายใช้เทคนิคไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหา  พร้อมระบุ คำสั่งศาล ชี้แล้วว่า คดีฟอกเงิน นี้ อยู่ในอำนาจของศาลอาญา ก็ บ่งชี้แล้วว่า คดีนี้เป็นอำนาจของศาลอาญา ไม่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอ ป.ป.ช  ทั้งนี้ตนได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ป.ป.ช แล้วเช่นกัน เพื่อให้ตรวจสอบความโปร่งใสในการทำคดี เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานของ ป.ป.ช          ส่วนพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น มองว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ไม่ขอก้าวล่วง  แต่เชื่อว่าเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ ยังมีอะไรอีกเยอะ         ส่วนเรื่องตำแหน่ง ผบ.ตร. คนต่อไปมองว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังมีโอกาส  ครั้งนี้เป็นแค่การถูกกล่าวหา ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยถูกกล่าวหามาแล้วในคดีคาราโอเกะมาแล้ว         ส่วนกรณีที่พลตำรวจตรีนำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าไปเกี่ยวพันคดีเว็บพนันมินนี่ ตนเองมั่นใจ ว่า พลตำรวจตรีนำเกียรติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องคดีนี้อย่างแน่นอน เท่าที่รู้จักมามีความชื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา  และตนเองพร้อมจะเป็นพยานให้ในชั้นศาลเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ของ พล.ต.ต.นำเกียรติ        ส่วนประเด็นที่ นายตี๋ ที่ไป เปิดเผยข้อมูล ที่สน. เตาปูนเมื่อวานที่ผ่านมา เกี่ยวกับ นายณัฐพล บัญชีม้า ถูกหน่วงเหนี่ยวกับทางที่ เซฟเฮาส์  และพาดพิงถึงตนเอง  ยอมรับว่ารู้จักกันจริง แต่ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเองเรื่องที่อยู่เบื้องหลังไปแฉที่สน.เตาปูนเมื่อวาน นี้   พร้อมยอมรับว่า ก่อนหน้านี้นายตี๋ ได้นำคลิปเสียงดังกล่าวมาให้ตนเองฟัง แต่ก็บอกไปแล้วคลิปเสียงไม่มีความน่าเขื่อถือ แต่ก็ไม่ทราบเหตุใดจึงนำไปเผยแพร่ และตนเองก็ได้ต่อว่านายตี๋ไปแล้ว ว่าจะถูกโยงว่าอยู่เยื้องหลังกับบิ๊กต่อ ซึ่งปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกันหรือรับงานมา        นอกจากนี้  กรณีที่นายกรัฐมนตรีอยากปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ นายอัจฉริยะ กล่าวอ้างว่าตนเองมีข้อมูลเกี่ยวกับนายพลระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึง 8 นายที่มีส่วนพัวพันเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์และถือว่าเป็นตัวการใหญ่สุด ซึ่งตนยังไม่เปิดเผยข้อมูลในเร็ว ๆ นี้ แต่ระบุกับสื่อมวลชนว่า หากสามารถดำเนินคดีกับนายพลทั้ง 8 นายนี้ได้ องค์กรตำรวจจะโปร่งใสมากขึ้นเยอะและยังบอกเป็นนัยยะว่า  อยู่ในสังกัดของตำรวจไซเบอร์หรือ สอท. และชุด PCT รวมอยู่ด้วย

รวบเทพจอมมุดใต้กระโปรงย่านลำหิน ค้นพบคลิปแอบถ่ายจำนวนมาก  “เทพจอมมุด” ภัยร้ายย่านลำหิน  ทำให้บรรดาผู้หญิงชานเมืองกรุงหวาดระแวง   เมื่อได้มีเฒ่าตระเวนก่อเหตุมุดถ่ายภาพใต้กระโปรงหรือแอบถ้ำมองและแอบถ่ายคลิบหญิงสาว   โดยมีหญิงสาวตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก       จนเป็นที่เอือมระอาของคนในพื้นที่ ได้ร้องขอความช่วยเหลือมาที่สืบนครบาล ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักย่านลำหิน เจ้าตัวยังปฏิเสธข้างๆคูๆ จนชุดจับกุมพบข้อมูลคลิปและภาพการแอบถ่ายในโทรศัพท์จำนวนมาก จึงยอมจำนนต่อหลักฐานและรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ในที่สุด               เมื่อวันที่  2  เมษายน  2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , สั่งให้  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์    วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ ,             ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น.  , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ   อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์  รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว          นายวีระเทพ หรือเทพ อายุ 50 ปี ภูมิลำเนา ตำบลควนขนุน อำเภอควนขนุน จังหวัด พัทลุง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.460/2567 ลงวันที่ 27 มี.ค. 67           ข้อหา “กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”             จับกุมตัวได้ที่ บริเวณ ซ.คลองเก้า 7 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา จ.กรุงเทพฯ           พฤติการณ์กล่าวคือ ภัยร้ายย่านลำหิน เมื่อได้มี เฒ่ารายหนึ่งสมญานามว่า “เทพจอมมุด” ตระเวนก่อเหตุมุดถ่ายภาพใต้กระโปรงหรือแอบถ้ำมองแอบถ่ายขณะหญิงสาวเข้าห้อง โดยทั่วละแวกมีหญิงสาวตกเป็นเหยื่อมาอย่างนับไม่ถ้วน จนเป็นที่เอือมระอาของคนในพื้นที่ โดยเหยื่อรายล่าสุดเป็นเพียงเด็กสาววัย 11 ปี ที่กำลังเลือกซื้อของอยู่ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 เฒ่ารายนี้ก็ก้มเอาโทรศัพท์ถ่ายใต้กระโปรงเธอดื้อๆชนิดที่ว่าไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ซึ่งล่าสุดชาวบ้านในพื้นที่ได้ขอความช่วยเหลือมาที่สืบนครบาล โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่จนทราบว่าเฒ่าตัณหากลับรายนี้ชื่อว่า นายวีระเทพ หรือเทพ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับในข้อหา “กระทำอนาจารเด็กฯ” จึงได้นำกำลังสืบสวนติดตามตัวทันที โดยในวันที่ 3 เม.ย. 67 ก็สามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านลำหิน…

ทนายตั้ม แจ้งความเพจเฟซบุ๊กโพสต์คลิปเสียงพาดพิงอุ้มบัญชีม้ากักขังเซฟเฮ้าส์นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมทีมงานทนายความ นำหลักฐานการโพสต์เฟซบุ๊กเพจพระจันทร์ลายกระต่าย วี2 พร้อมคลิปเสียงที่เป็นเนื้อหาการพูกคุยระบุเป็นนายณัฐพงศ์ หนึ่งในบัญชีม้าในเครือข่ายเว็บการพนัน ที่เชื่อมโยงกับบัญชีคนสนิท พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ในเนื้อหาได้รับุถึงนายษิทรา ว่าได้ลักพาตัวนายณัฐพงศ์ ไปกักขังในเซฟเฮ้าส์ ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา  นายษิทรา เปิดเผยว่าวันนี้ได้มอบอำนาจให้ทนายความ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเพจดังกล่าว ในข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเชื้อว่าคลิงเสียงดังกล่าวถูกปลอมแปลงขึ้นมา เพื่อโจมตีตัวเองและลดความน่าเชื่อถือในความเคลื่อนไหวในคดีตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่ายเว็บพนันที่ตัวเองกำลังเปิดโปงอยู่ในขณะนี้   ขณะที่ช่วง 13.00 น. วันนี้ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น ได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่าจะเดินทางมาที่ สน เตาปูน พร้อมเปิดเผยพยานบุคคลที่เป็นเจ้าของคลิปดังกล่าวมาแถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งประเด็นนี้ นายษิทรา ยืนยันว่าไม่กังวน และขอให้ทนายความคนดังกล่าวเข้าแจ้งความกับตัวเองในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังได้เลย เพราะยืนยันว่าไม่เคยลักพาตัวนายณัฐพงศ์ ตามที่ถูกกล่าวอ้าง

แรกๆเป็นคู่รักหลังๆเป็นคู่กรณี จับผู้ต้องหาขบวนการโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนทองลอนดอน ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.  ให้ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เดือดร้อนว่ามีแก๊งไฮบริดสแกมใช้เฟสบุ๊คปลอมเป็นหนุ่มนักธุรกิจ โสด หน้าตาดี  ทำธุรกิจอยู่ จว.ภูเก็ต และได้พูดคุยเป็นเวลาประมาณ  ๑ เดือน จนกระทั่งผู้เสียหายหลงรัก จากนั้นคนร้ายได้เชิญชวนลงทุนเล่นหุ้นทองลอนดอน ผลตอบแทนดี ประมาณ ๑๐% ต่อวัน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปจำนวน 3 ครั้งสุดท้ายสูญเงินกว่า 1.7 ล้าน             วันที่ 1 เมษายน 2567     พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 4ได้ร่วมกันจับกุมตัว             น.ส.เสาวลักษณ์ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี  ที่ จ.241/2567 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2567           ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นๆ และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”            พฤติการณ์ผู้เสียหายถูกผู้ใช้เฟสบุ๊คปลอมเป็นหนุ่มนักธุรกิจ โสด หน้าตาดี  ทำธุรกิจอยู่ จว.ภูเก็ต และได้พูดคุยกันเรื่อยมา เป็นเวลาประมาณ  ๑ เดือน จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ หลงรัก ว่าบุคคลคนนี้มีตัวตนอยู่จริง จากนั้นคนร้ายได้เชิญชวนผู้เสียหายให้ลงทุนเล่นหุ้น ทองลอนดอน โดยอ้างว่าเมื่อลงทุนไปแล้วได้ผลตอบแทนดี ประมาณ ๑๐% ต่อวัน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปจำนวน 3 ครั้งรวมเป็นเงินกว่า 1,700,000 บาท ซึ่งต่อมาผู้เสียหายทำทุกวิธีทางเพื่อกู้ยืมเงินเพิ่ม แต่ไม่สามารหาเงินมาให้กลุ่มคนร้ายได้จนกระทั่งมีสติและรู้ว่าตนเองถูกหลอก        การที่ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีผู้ต้องหา เมื่อเงินโอนเข้าบัญชีผู้ต้องหาดังกล่าวแล้ว จะโอนเงินออกไปยังบัญชีบุคคลอื่นโดยเร็วทุกรายการ อันเป็นพฤติการณ์ลักษณะบัญชีม้า ที่ใช้ในการรับเงินและโอนเงินออกของแก๊งค์มิจฉาชีพ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นลักษณะแผนประทุษกรรม Romance Scam หลอกให้ผู้เสียหายหลงรักและเชื่อใจ จากนั้นหลอกลวงให้ลงทุน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกว่า 1,700,000 บาท        จากการซักถามผู้ต้องหาให้การว่า เมื่อปี พ.ศ. 2565 ผู้ต้องหาเคยไปทำงานเป็นพนักงานเว็ปไซต์พนันออนไลน์ในประเทศเพื่อนบ้าน และเมื่อปี พ.ศ.2566 เคยเปิดบัญชีให้เพื่อนเพื่อนำไปใช้รับเงินจากเว็ปพนันและได้รับเงินตอบแทนจำนวน 1,000 บาท          สถานที่จับกุมบริเวณลานจอดรถหน้าเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาสำโรงใต้ ซ.6 มหาวงษ์ ต.สําโรงกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ          นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางกรวย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป          พล.ต.ต.ธีรเดช หรือผู้การจ๋อ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อ จึงฝากข้อควรระวัง ไม่ควรรับแอดเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นชาวต่างชาติ ที่ใช้ภาพหนุ่มสาวหน้าตาดี หากจะรับก็ขอให้ตรวจสอบข้อมูลในบัญชีให้ดี อาจตรวจสอบได้โดยขอนัดเจอตัวจริง หรือร้องขอให้เปิดกล้องวิดีโอคอล ให้เห็นหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับรูปในโปรไฟล์จริงๆ (หน้าตรงปก)…

เก็บทรงไม่อยู่ โจ๋18 ขี่จยย.พกปืน ถูกรวบคาด่าน บอกซื้อออนไลน์ 6พันเมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 2 เม.ย.67 พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน สั่งการให้ พ.ต.ท.สรรพิชญ์ ศิริสุนทร รอง ผกก.ป., พ.ต.ท.ประทีป คำมี สวป., ร.ต.ท.สมพร จันทะวงศา รอง สวป.และชุดสายตรวจ สน.บางเขน ร่วมกันจับกุมนายพลภัทร หรือเฟิร์ส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปีพร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอกและเครื่องกระสุนปืน 2 นัด สถานที่จับกุมบริเวณภายในชุมชนบ้านสวนบางเขน ซอยพหลโยธิน 48 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจค้นเพื่อป้องกันเหตุในพื้นที่ เพราะมีกลุ่มวัยรุ่นมักพกพาอาวุธไปก่อเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน กระทั่งพบวัยรุ่นชายขับขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านมาท่าทางมีพิรุธ ต้องสงสัยว่ามีสิ่งผิดกฏหมายซุกซ่อนอยู่ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พยายามจะขับรถหลบหนี จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้นพบอาวุธปืน 1 กระบอกพร้อมกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิง เหน็บอยู่ขอบกางเกงที่สวมใส่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวนให้การว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว ซื้อมาจากแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาในราคา 6,000 บาท โดยมีพกไว้เพื่อป้องกันตัวเวลาออกไปไหน เนื่องจากมีคู่อริ ภายในชุมชนซอยพหลโยธิน 48 ย่านบางเขน  โดยขณะขับขี่จยย.ออกจากบ้านผ่านมา เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านอยู่ จึงถูกตรวจค้นและจับกุมดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา“มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรหรือจำเป็นเร่งด่วน” ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดีต่อไป