บทความทั้งหมด

1,313 รายการ

พบศพชายปริศนาลอยน้ำ ริมเขื่อนวัดสนามเหนือ รปภ.เผย ผู้ตายชอบนั่งกินเหล้าริมเขื่อน  เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 เม.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งเหตุจากประชาชนว่า พบศพลอยน้ำ ภายในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณริมเขื่อนวัดสนามเหนือ ต.ปากเกร็ด อ.ปปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ. ปากเกร็ด เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต๊กตึ๊ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยบัวเพชร พร้อมทีมแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ  ที่เกิดเหตุพบศพชาย 1 ราย ไม่ทราบชื่อและนามสกุล อายุประมาณ 40 ปี ตัดผมเกรียน สวมชุดบอลสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้น ลอยน้ำอยู่บริเวณริมเขื่อนวัดสนามเหนือ สอบถามนายประเดิม ยืนยง อายุ 67 ชาวบ้าน ผู้พบศพ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ตนได้เดินมาบริเวณริมเขื่อนศาลาอเนกประสงค์เทศบาลเทศบาลนครปากเกร็ด1 เพื่อที่จะดักปลาเก็บขวดขายตามปกติ ขณะที่เดินมาถึงได้หันไปบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนหัวคนว่ายน้ำอยู่ ปรากฏว่าพอไปถึงพบว่าเป็นศพชาย ตัดผมเกรียนลอยน้ำอยู่ โผล่มาแต่หัว ลักษณะลอยน้ำเหมือนกำลังนั่งอยู่ หลังจากเห็นแล้วตนจึงรีบบอกป้าที่ขายอาหารปลาที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมด้วยบอกคนขับเรือให้ขับเรือไปดูที่จุดดังกล่าว ก่อนจะโทรแจ้งตำรวจสภ. ปากเกร็ดในเวลาต่อมา  ส่วนทางด้านนางสุรินทร์ พลแสน รปภ.เทศบาลนครปากเกร็ด เปิดเผยว่า ตนเป็นรปภ. ทำงานอยู่บริเวณท่าน้ำปากเกร็ดเคยพบเห็นผู้ตายชอบมาเดินหรือนั่งเล่นบริเวณท่าน้ำปากเกร็ดเป็นประจำแต่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ไม่รู้ชื่อและไม่รู้ว่าเป็นใคร ซึ่งผู้ตายชอบมาเดินบริเวณท่าน้ำปากเกร็ดและริมเขื่อนประมาณช่วงเย็น 17:00 น. เท่าที่เคยเห็นจะเป็นคนนิ่งนิ่งไม่สุงสิงกับใคร บางครั้งก็ชอบนำเหล้ามาดื่มแล้วนั่งบริเวณริมเขื่อนและริมท่าน้ำปากเกร็ด ซึ่งตนเห็นครั้งสุดท้ายล่าสุดเป็นช่วงอาทิตย์ที่แล้ว ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมาตนไม่ได้เข้าเวร จึงไม่ทราบและไม่พบเห็น

รวบขบวนการอ้างเป็นนายแพทย์ทหาร หลอกอาจารย์ให้รัก สูญกว่า 3 ล้านบาท”สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ว่าตนเองมีอาชีพเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ไม่มีครอบครัว ได้รู้จักกับเพื่อนในเฟซบุ๊กได้พูดคุยกันจนสนิทสนม ฝ่ายเพื่อนชายดังกล่าวที่ตนเองได้พูดคุยด้วยแจ้งว่าเป็นทหารหมอหนุ่มของสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ทำงานอยู่ในอัฟกานิสถาน และรูปโปรไฟล์นายทหารหนุ่มคนดังกล่าวเป็นรูปชายสวมเครื่องแบบทหารของอเมริกาและมีรูปร่างหน้าตาดี ตนเองจึงหลงเชื่อบุคคลดังกล่าวเป็นทหารจริง หลังจากนั้นนายทหารหนุ่มดังกล่าวได้ออกอุบายว่าจะส่งของมีค่ามาให้ เพื่อสร้างครอบครัวด้วยกัน ตนเองหลงเชื่อจึงได้ตอบตกลง หลังจากนั้นได้มีโทรศัพท์แจ้งว่ามาจากศุลกากรสนามบินได้โทรมาแจ้งกับตนว่าได้มีพัสดุตกค้าง ไม่สามารถนำออกมาได้เพราะของที่ส่งมาเป็นเงินและทองจำนวนมากจึงต้องมีการค่าภาษีก่อน ตนเองหลงเชื่อจึงได้โอนเงินค่าภาษีทั้งหมดไปให้แก่บุคคลที่อ้างเป็นศุลการกรเป็นจำนวนเงิน สามล้านสี่แสนบาท หลังจากนั้นตนเองก็ไม่สามารถติดต่อกับชายที่อ้างตัวเป็นทหารหนุ่มได้ตนเองรู้สึกว่าตนเองน่าจะถูกหลอก จึงได้โทรไปสอบถามศุลกากร (ที่แท้จริง) ได้คำตอบว่าทางศุลกากรไม่ได้ให้บุคคลคนใดโทรไปแจ้งกับผู้เสียหาย และผู้เสียเองก็ไม่ได้มีพัสดุตกค้างอยู่เลย ตนเองรู้ว่าถูกหลอกจึงได้มาแจ้งให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสืบสวน เพื่อดำเนินคดีกับขบวนการดังกล่าว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้สืบสวนว่าเจ้าของบัญชีคือ น.ส.อรนิภา อายุ ๑๙ ปี ชาวจังหวัดอุทัยธานี พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ราชัญ  ลำใย รอง ผกก.2 บก.สอท.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุม น.ส.อรนิภา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด” โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าห้องน้ำวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท สอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การว่า ตนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับนี้จริง เมื่อประมาณปี 65 ได้มีเพื่อนของตนเองได้มาอ้อนวอนขอให้เปิดบัญชีธนาคารให้ แจ้งว่าจะนำบัญชีนี้ไปให้บุคคลที่ตนเองทำธุรกิจด้วย เพราะเพื่อนแจ้งว่าตนเองไม่สามารถเปิดบัญชีได้ ตนเองหลงเชื่อจึงได้ไปเปิดบัญชีให้ จนมาทราบตอนที่ถูกจับกุมว่าบัญชีที่ตนเปิดให้เพื่อนของตนเองดังกล่าว ได้ถูกมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกประชาชนคนอื่น

จับกุมเจ้าของร้านคาราโอเกะนำเด็กและบุคคลต่างด้าว มานั่งดริ๊งก์ พบแอบขายบริการทางเพศกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์         (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์ รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. , พ.ต.ท.เกียรติก้อง ทองคำ , พ.ต.ท.พระเนียง พรมมี รอง ผกก.2 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พ.ต.ท.สุพจน์ ทองมาเอง สว.กก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปคม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสนา ร่วมกันจับกุม1. นาย อนุรักษ์ฯ อายุ 42 ปี ( ผู้ต้องหาที่ 1 )2. Sangvane อายุ 35 ปี สัญชาติ ลาว ( ผู้ต้องหาที่ 2 )3. บุคคลต่างด้าว ( สัญชาติ ลาว ) จำนวน 5 คนที่ทำงานเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์ภายในร้านดังกล่าวโดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ว่า  “ ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบทางเพศในรูปแบบอื่น(รูปแบบให้บริการทางอนาจาร) โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่ถึงสิบแปดปี, สมคบร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบทางเพศในรูปแบบอื่น(รูปแบบให้บริการทางอนาจาร) โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่ถึงสิบแปดปีและได้กระทำความผิดตามที่สมคบกัน, ร่วมกันชักจูง ส่งเสริม ยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด อันมีลักษณะเป็นการลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทน หรือเพื่อการใด, ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต,เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือ ชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่ากระทำต่างๆอันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร, เพื่อสนองความใครของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม,รับคนต่างด้าวทำงานโดยที่คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตหรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้, เป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี ”กล่าวหา บุคคลต่างด้าว ( สัญชาติ ลาว ) จำนวน 5 คน ว่า “ เป็นบุคคลคนต่างด้าวทํางานโดยไม่มีใบอนุญาตทํางานหรือทํางานนอกเหนือจาก ที่มีสิทธิจะทําได้ และเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณี เพื่อประโยชน์ในการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น” พร้อมตรวจยึดของกลาง 1.ธนบัตรที้ใช้ปฏิบัติการอำพรางเพื่อพิสูจน์ความผิด​2.ถุงยางอนามัย ซองสีเงิน มีรอยฉีกที่มุมซอง​3.บิลเงินสดจำนวน 1 ใบ ระบุค่าอาหารและเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอ ค่านั่งดริ๊งก์ของพนักงาน​4.บิลเงินสดจำนวน 1 ใบ ระบุค่าอาหารและเครื่องดื่มแอลกอล์ฮอ ค่านั่งดริ๊งก์ของพนักงานชื่อจิน​5.โทรศัพท์มือถือ ของ นายอนุรักษ์ฯ จำนวน 1 เครื่อง​6.โทรศัพท์มือถือ ของ Miss.Sangvane  จำนวน 1 เครื่อง สถานที่จับกุม ร้านคาราโอเกะ ในพื้นที่ตำบลเจ้าเจ็ด อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่าร้านคาราโอเกะดังกล่าว เปิดเป็นสถานบริการ ให้บริการดนตรี อาหาร และมีหญิงสาวแต่งตัวโชว์สัดส่วนวาบหวิวคอยนั่งดื่มกินให้บริการกับลูกค้า มีการนำหญิงต่างด้าวชาวลาวอายุต่ำกว่า 18 ปีมาให้บริการโดยแต่งตัววาบหวิว หรือให้แสดงออกในลักษณะส่อไปในทางลามกอนาจาร มีการลักลอบแอบแฝงการค้าประเวณีที่ร้าน เพื่อแสวงหาประโยชน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมจับกุมนายอนุรักษ์ฯ และ Miss.Sangvane ซึ่งเป็นความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งจับกุมพนักงานของร้านที่เป็นหญิงสาวสัญชาติ ลาว อีก 5 คน ตามความผิดกฎหมายค้าประเวณีและกฎหมายแรงงาน และได้ช่วยเหลือผู้เสียหาย 1 ราย อายุ16 ปี เห็นว่าพฤติการณ์และการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี มาให้บริการทางเพศในรูปแบบทางอนาจาร และได้รับประโยชน์จากการไม่ต้องจ่ายค่าจ้างพนักงาน…

ติดประกาศห้ามเข้าอาคาร 5 คูหา ในซอยสวนผัก 32 หลังเคลื่อนย้าย ตู้คอนเทนเนอร์ออกจากอาคารตึกแถว 3 ชั้นได้สำเร็จเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตตลิ่งชัน นำป้ายประกาศ ห้ามใช้อาคารมาติดไว้บริเวณด้านหน้าตึกแถว 5 คูหา ภายในซอยสวนผัก 32 แขวงและเขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร หลังเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาสามารถเคลื่อนย้าย ตู้คอนเทนเนอร์ออกจากอาคารตึกแถว 3 ชั้นได้สำเร็จ เจ้าพนักงานเทศกิจชำนาญการ สำนักเขตตลิ่งชัน กล่าวว่า เบื้องต้นสำนักงานเขตฯได้นำประกาศมาติดไว้เพื่อแจ้งให้เจ้าของอาคารทั้ง 5 คูหา เฝ้าระวังอันตรายและห้ามเข้าพื้นที่ในระยะเวลา 30 วันนับจากวันที่ 5 เมษายน 2567 จนกว่าจะมีการประสานมายังเจ้าหน้าที่ เพื่อลงพื้นที่พร้อมกัน และในวันอังคารที่ 9 เมษายนนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรม และเจ้าของบ้านที่ถูกรถเทลเลอร์ถอยชน จะมีการลงพื้นที่มาประเมินความเสียหาย และตรวจสอบโครงสร้างอีกครั้ง ส่วนในระยะนี้จะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจมาคอยดูแลความปลอดภัยป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่อาคารดังกล่าว รวมถึงตักเตือนรถบรรทุกไม่ให้วิ่งผ่านขึ้นสะพานกรุงนนท์ ด้านพันตำรวจเอกมนต์ชัย อรุณส่องแสงดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ขับขี่รถบรรทุกให้การว่า ขับรถมาตามระบบ GPS เพื่อจะนำเครื่องจักรเข้ามาส่งในซอยดังกล่าว เมื่อมาถึงสะพาน รถไม่สามารถขับขี่ผ่านขึ้นไปได้จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งในวันอังคารนี้ จะมีการเรียกผู้ขับขี่มาสอบปากคำพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้ง เบื้องต้นมี 2 ประเด็น ที่จะต้องพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา คือข้อหาขับขี่โดยประมาท และ การฝ่าฝืนป้ายจราจรที่ห้ามรถบรรทุกผ่าน โดยหากพบว่ามีความผิดให้ดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ส่วนความเสียหายขณะนี้ทราบว่ารถบรรทุกมีประกันวินาศภัยอยู่ที่วงเงิน 6 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท หลังจากนี้ฝ่ายเจ้าของรถบรรทุกและเจ้าของอาคารที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด จะตกลงเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหายอีกครั้ง สำหรับการจราจรภายในซอยแห่งนี้ ล่าสุดพบว่าสามารถกลับมาเปิดใช้ได้ตามปกติ

ตัวแทนบริษัทประกันชื่อดัง ยักยอกเงินสินไหม 1.5 ล้านบาทที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 เม.ย.นาง ฐิติรัตน์ อัมพะวะผะลิน อายุ 42 ปี และ น.ส.ศิวปรียา อัมพะวะผะลิน อายุ 20 ปี บุตรสาว เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีถูกตัวแทนบริษัทประกันชื่อดัง ยักยอกเงินสินไหมทดแทนที่อดีตสามีเสียชีวิต จำนวน 1,500,000 บาทไป  นางฐิติรัตน์กล่าวว่า ตนได้แต่งงานอยู่กินกับนายภาณุพงศ์ อัมพะวะผะลิน มีบุตรด้วยกัน 2 คนโดยอีกคนนึงเป็นลูกชายคนเล็กแต่ได้เลิกรากันมานาน 15 ปี ต่อมาปี 2565 สามีเสียชีวิตที่จังหวัดยโสธร ด้วยอาการโรคหัวใจวายเฉียบพลันที่จังหวัดยโสธร ตนรับศพอดีตสามีมาทำพิธีศพที่จังหวัดนนทบุรี โดยมารดาของสามี จำได้ว่าสามีเคยทำประกันอุบัติเหตุไว้ของบริษัทประกันแห่งหนึ่ง จึงเอาบัตรไปตรวจสอบปรากฏว่าเมื่อตรวจสอบพบว่ามีจริง โดยผู้ได้รับผลประโยชน์คือลูกคนละครึ่ง โดยลูกต้องเป็นผู้ร้องเรียนเพื่อรับเงิน  นางฐิติรัตน์กล่าวว่า กระทั่งไปติดต่อต่อแทนบริษัทประกัน ที่สามีทำประกันอุบัติเหตุไว้ เรื่องลับผลประโยชน์จากการเสียชีวิต แต่ถ้ามีการติดต่อเรื่องรับเงินผลประโยชน์กันมาตลอดจนเกิดความสนิทสนมไว้ใจ ต่อมาวันที่ 30 ม.ค.67 ว่า ประธานอนุมัติได้รับเงินจำนวน 5.5 ล้านบาท โดยตัวแทนคนดังกล่าวได้เสนอไปรับเงินให้ พร้อมนัดให้ไปเปิดบัญชีที่ธนาคารทหารไทยธนชาต ในห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม โดยแบ่งเป็น 4 บัญชีเป็นบัญชีลูกสาว บัญชีลูกชาย บัญชีตน และบัญชีร่วมระหว่างตนกับตัวแทนประกัน โดยบัญชีร่วมระหว่างตนกับตัวแทนประกันคนดังกล่าวมีเงินฝากจำนวน 1,500,000 บาท ภายหลังตนได้นำเงินของลูกไปซื้อบ้านที่ย่านรามอินทราและต้องการเงินมาตกแต่งบ้านจึงติดต่อกับตัวแทนประกันเพื่อขอเบิกเงินจำนวน 700,000 บาท ด้วยตนตัดสินใจว่าเงินที่เหลือจะนำไปซื้อประกันตามที่ตัวแทนได้ร้องขอไว้ แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 67 ตนได้เดินทางไปกับตัวแทนคนดังกล่าวที่ธนาคารทหารไทยธนชาตสาขาบิ๊กซีพระราม 4 เพื่อเบิกเงินปรากฏว่าตัวแทนได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีของตัวเองโดยอ้างว่าจะโอนเงินมาให้ตนภายหลังและทำการปิดบัญชีจากนั้นไม่สามารถติดต่อกับตัวแทนได้อีกและมีการท้าทายพร้อมไปออกรายการทุกรายการตนจึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่สน. ทองหล่อแต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงเข้ามาขอความช่วยเหลือกับทางเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดีให้  นายเอกภพกล่าวว่า ตัวแทนที่เอาเงินไปคุณรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ มีโทษจำคุกข้อหาละ 3 ปี พฤติกรรมของคุณใช้ชีวิตกินหรู อยู่ดี แต่กลับสภาพทั้งสองเป็นคนมันยากลำบาก ผู้หญิงเป็นเพียงแม่บ้านทำความสะอาด อย่าไปคิดว่าเขายากจนหรือไม่มีทางสู้แล้วจะกระทำแบบนี้ได้ โลกวันนี้มันเท่าเทียมกันทั้งหมด จะยากดีมีจน หรือรวยล้นฟ้า กฎหมายคุ้มครองเหมือนกันหมด ตนอยากให้ตัวแทนรายนี้นำเงิน 1,500,000 บาทมาคืน อย่าหน้ามึน ตนพร้อมประสานตำรวจ สน.ทองหล่อ เพื่อเร่งรัดคดีต่อไป

รวบหัวหน้าวิน ผันตัวเป็นเอเย่นต์บัญชีม้า ส่งขาย Call Center เสียหายกว่า 6 ล้านบาทสืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจากการถูกแก๊ง Call Center เข้ามาตีสนิทและชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้น อ้างว่าได้รับผลตอบแทนสูง โดยหลอกลวงให้ทำการติดตั้งแอปพลิเคชัน “Hotbit International” พร้อมทั้งโอนเงินเข้าร่วมลงทุน ซึ่งปรากฎว่ามีผู้หลงเชื่อและสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก มีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 24 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6 ล้านบาท จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5 เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนขบวนการดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวไปบางส่วนแล้ว เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยภายหลังการจับกุม พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ ผบก.สอท.5 ได้สั่งการให้เร่งขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้จากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาบางส่วนรับว่า มีอาชีพขับวินจักรยานยนต์รับจ้าง ได้เปิดบัญชีธนาคารขายให้กับหัวหน้าวิน ชื่อนายโจ้ (นามสมมติ) ซึ่งมาชักชวนให้ลูกวินเปิดบัญชี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5  จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหานี้ไว้ ต่อมาวันที่ 5 เมษายน 2567 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.ฯ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ สว.สส.ฯ  ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.สส.ฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายโจ้ (นามสมมติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่ บริเวณหน้าห้องพักของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ใน ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี จากการสอบสวนนายโจ้ ให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยเป็นหัวหน้าวิน ได้รับการติดต่อให้หาคนรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือบัญชีม้า เพื่อใช้โอนเงินในบ่อนการพนันให้นักพนัน โดยให้ค่าเปิดบัญชีในราคาบัญชีละ 1,500 บาท หากหาบัญชีม้าได้มากเท่าไรก็จะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้นตามลำดับ จึงไปชักชวนลูกวินให้พากันมาเปิดบัญชี ซึ่งสามารถหาคนเปิดบัญชีได้จำนวน 4 บัญชี นายโจ้ได้รับเงินค่านายหน้าจัดหาบัญชีมาทั้งหมด 5,000 บาท ส่วนบัญชีม้าที่ขายไปนั้น จะถูกนำไปขายให้กับบ่อนพนันจริงหรือไม่นั้นไม่ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ กล่าวว่า เบื้องต้นขณะนี้พบว่าบัญชีที่ถูกขายไปนั้น ได้ถูกแก๊ง Call Center นำไปหลอกลวงประชาชน โดยมีผู้เสียหายทั่วประเทศแล้วกว่า 24 ราย สร้างความเสียหายรวมกว่า 6,200,000 บาท และขณะนี้กำลังขยายผล เพื่อเชื่อมโยงไปยังกลุ่มนายทุนผู้อยู่เบื้องหลัง และจะทำการตรวจสอบด้วยว่ามีบ่อนการพนันตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่

รวบ “โฟร์ ดาวคะนอง” บัญชีม้า อ้างตนเป็น จนท.ปปง. หลอกเหยื่อสูญเงินเฉียดล้าน  จากนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ตามหมายจับเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการฉ้อโกลหลอกลวงประชาชนในสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึง บัญชีม้า ที่เป็นเชื้อร้ายทำร้ายความสงบสุขของประชาชนในสังคมในวงกว้าง               เมื่อวันที่ 6 เม.ย.67  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ, พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ, และพ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์ สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 3 ได้ร่วมกันจับกุม            นายปวรุตม์ หรือโฟร์ อายุ 21 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี บุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1095/2567 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2567           กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นหรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยไม่มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือใช้ในกิจการของตน”          จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้องเลขที่ 144/103 คอนโดลุมพินีเพลสสุขสวัสดิ์ ชั้น9 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพฯ         พฤติการณ์ในคดีนี้ ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพได้หลอกลวงและสร้างกลอุบายฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนโดยทั่วไป โดยอ้างตนเป็นตำรวจจาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ (ปปง.) แจ้งว่าผู้แจ้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน ให้ผู้แจ้งโอนเงินไปเพื่อไปตรวจสอบ ผู้แจ้งเกิดความตกใจกลัวจึงหลงเชื่อโอนเงินของผู้เสียหาย ไปยังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ของผู้ถูกจับกุม จำนวนหลายครั้ง รวมมูลค่ากว่า เกือบ ๑ ล้านบาท จนผู้เสียหายเริ่มสงสัยจึงได้ทำการตรวจสอบแล้วเชื่อว่าถูกหลอก ผู้แจ้งจึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ถูกจับตามกฎหมายต่อไป จากการสอบถามผู้ถูกจับให้การรับว่า ตนได้ถูกว่าจ้างจากนาย ออยฯ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแฟนสาวย่านตลิ่งชัน ให้เปิดบัญชีม้าจริง พร้อมส่งมอบ โทรศัพท์และซิมพร้อมใช้บริการ สมุดบัญชีธนาคารและบัตร เอ ที เอ็ม ให้แก่นายออยฯ ไปใช้ โดยมิได้ถามว่าจะนำไปใช้อะไร โดยได้รับค่าจ้างในการเปิดบัญชีละ ๒,๐๐๐ บาทซึ่งรับว่าได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งต่อมาทราบภายหลังว่า ตนมีหมายจับ จึงได้พยายามปิดช่องทางการติดต่อทุกช่องทางเพื่ออำพรางและหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่อยู่หลายเดือน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในเวลาต่อมา หลังถูกจับกุมผู้ถูกจับสำนึกผิดที่ตนเองเห็นแก่เงินหรือประโยชน์เพียง ๒,๐๐๐ บาท เพียงแค่เอาเงินดังกล่าวไปใช้สอยเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่กลับไม่คุ้มกับผลกระทบที่ตามมาถึงตนเองและครอบครัว ที่ใช้ชีวิตกับอย่างหวาดระแวงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จึงได้ฝากแง่คิดให้แก่วัยรุ่นและประชาชนทั่วไป อย่าได้ “คิดสั้น” เอาแต่ “ความสุขเพียงสั้นๆ” มาแลกกับ “ชีวิตและความสุข” ของตนเองและบุคคลที่รักในครอบครัว         พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัย ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งแฝงตัวมา ส่วนเจ้าของบัญชีม้าหรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดมายังเพจ สืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที

สืบนครบาลรวบป๋าตือ เจ้าของคณะเชิดสิงโตล่วงละเมิดเด็กหญิง 8 ขวบ #สืบนครบาล #คณะสิงโต #อนาจาร #ล่วงละเมิด #raiderreporter #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/733310489015327 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

หนุ่มวิศวะร้องแก๊งเงินกู้ “ซ้อส้ม” ลวงทำร้ายสาหัส จ่ายดอกเบี้ยกว่าเท่าตัว #วิศวะ #เงินกู้ #ทำร้ายร่างกาย #ดอกเบี้ยโหด #สายไหมต้องรอด #raiderreporter #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/733310709015305 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

หนุ่มขี่รถจยย.กลับจากงานเลี้ยงขับย้อนศรประสานงารถเก๋งดับ #ขับรถย้อนศร #รถชน #นนทบุรี #raiderreporter #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/733311289015247 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

ชาวบ้านผวาถนนหน้าวัดบ่อพังเป็นหลุมลึก4 เมตร ขนาดกว้าง 15 เมตร #ถนนทรุด #วัดบ่อ #ปากเกร็ด #นนทบุรั #raiderreporter #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/733311545681888 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

พ่อแม่ใจสลาย ร้อง ปวีณา ลูกสาว 4 ขวบโคม่าอยู่รพ. คนชั่วต้องไม่ลอยนวล #พ่อแม่ #ปวีณา #ลูกสาว #อาการโคม่า #raiderreporter #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/733311839015192 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

พ่อแม่ใจสลาย ร้อง ปวีณา ลูกสาว 4 ขวบโคม่าอยู่รพ. คนชั่วต้องไม่ลอยนวลพ่อแม่ใจสลาย เดินทางจาก จ.พิจิตร ร้อง “ปวีณา” ติดตามคดีลูกสาว 4 ขวบ อาการโคม่าอยู่รพ. แพทย์บอกถอดเครื่องช่วยหายใจก็ไม่รอด ลั่น! ลูกสาวจะต้องไม่ตายฟรีและคนชั่วต้องไม่ลอยนวล หลังนำลูกไปฝากให้เพื่อนกับสามีเพื่อนเลี้ยง เลือดคั่งในสมองข้างซ้าย สมองบวม ปอดช้ำ อวัยวะเพศฉีกขาด มีบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย แพทย์วินิจฉัยถูกทำร้ายและอาจถูกข่มขืน ซึ่งแม่สงสัยเพื่อนกับสามีจะเกี่ยวข้องกับการทำร้ายและข่มขืนลูกสาวหรือไม่ โดยตำรวจเรียกตัวเพื่อนกับสามีไปสอบสวนแล้วแต่ปล่อยตัวไป เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม “ปวีณา” ประสาน ผู้การพิจิตร และผกก.สภ.บางมูลนาก เร่งรัดคดี ที่มูลนิธิปวีณาฯ : วันที่ 6 เม.ย.67 เวลา 15.00 น. นายเอและนางบี สองสามีภรรยา (ทั้งสองนามสมมุติ) เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นางบี แจ้งว่า น้องซี (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 4 ขวบ ขณะนี้บาดเจ็บสาหัสอาการโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.นครสวรรค์ หลังนำไปฝากเลี้ยงกับนางป๊อบ เพื่อนของตนที่จ.พิจิตร โดยแพทย์ระบุ เด็กบาดเจ็บเลือดคั่งในสมองข้างซ้าย สมองบวม ปอดช้ำ อวัยวะเพศฉีกขาด มีบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย โดยแพทย์วินิจฉัยเบื้องต้น สาเหตุจากการถูกทำร้าย และอาจจะถูกข่มขืนด้วย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ให้แม่ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งแม่ได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่สภ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา  นางบี กล่าวอีกว่า ช่วงกลางเดือนต.ค.66 ตนกับสามีได้มีปัญหาแยกทางกัน ตนนำลูกไปอยู่ด้วยที่จ.นนทบุรี ต่อมาเดือนพ.ย.66 ตนได้งานรับจ้างก่อสร้างไม่มีคนเลี้ยงลูก นางป๊อบ อายุ 33 ปี เพื่อนที่รู้จักกันซึ่งอยู่อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ได้อาสาเลี้ยงลูกให้ โดยนางป๊อบ อาศัยอยู่กับสามีและลูก 1 คน อายุ 5 ขวบ บอกว่าเด็กๆ จะได้กินนอนอยู่เป็นเพื่อนกัน ตนจึงไว้นำลูกไปฝากเลี้ยงก่อนจะเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ กระทั่งเดือนมี.ค.67 นางป๊อบได้บอกว่าน่าจะให้น้องซีเข้าโรงเรียนได้แล้ว ซึ่งตนก็คิดว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายจึงคิดว่าจะไปรับลูกมาเลี้ยงเอง แต่นางป๊อบก็อิดออดไม่ยอมบอกจะเลี้ยงให้เองซึ่งตนก็รู้สึกผิดสังเกต โดยปกติแล้วตนจะวิดีโอคอลคุยกับลูกผ่านเฟซบุ๊กเกือบทุกวัน ทุกครั้งนางป๊อบจะใส่ฟิลเตอร์ที่หน้าลูก แม่ก็เห็นปกติดี จนเช้าวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนวิดีโอคอลคุยกับลูกเห็นผิดสังเกต น้องซีมีอาการตาลอย ไม่ค่อยพูดคุยกับแม่เหมือนทุกวัน แต่ตนก็เห็นไม่ชัดเพราะนางป๊อบใส่ฟิลเตอร์ที่ใบหน้าลูกขณะวิดีโอคอล ตนจึงถามนางป๊อบว่าลูกเป็นอะไรรึเปล่า? ซึ่งนางป๊อบก็บอกลูกปกติดีไม่เป็นอะไร  ต่อมาเวลา 11.00 น. นางป๊อบได้โทรมาหาตนด้วยอาการตกใจบอกว่า น้องซีมีอาการชักเกร็งไม่ได้สติ และได้นำส่งโรงพยาบาลตำบล แต่อาการหนักมากแพทย์จึงส่งตัวต่อมาที่โรงพยาบาลในจ.นครสวรรค์ หลังทราบข่าววันที่ 17 มี.ค.67 แม่รีบไปที่โรงพยาบาลเห็นสภาพถึงลูกแทบช็อก ลูกตัวดำ ผอม มีร่องรอยเป็นจ้ำที่แขน คอ มือ ไหล่ หลัง และเล็บจิก คล้ายถูกทำร้าย แต่นางป๊อบอ้างว่า ลูกขี่จักรยานล้มบ้าง ตกบันได และสุนัขวิ่งชนไปกระแทกเตาบ้าง     ขณะที่แพทย์แจ้งว่าลูกอาการโคม่า เลือดคั่งในสมองข้างซ้าย สมองบวม ปอดช้ำ อวัยวะเพศฉีกขาด มีบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย สาเหตุจากถูกทำร้ายและอาจจะถูกข่มขืนให้แม่รีบไปแจ้งความ ตนได้ถามนางป๊อบว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก นางป๊อบก็บอกว่าน้องซีขี่รถจักรยานล้มเท่านั้น ไม่ได้มีใครทำอะไร และนางป๊อบยังขอร้องให้แม่อย่าแจ้งความ แต่ตนต้องการทวงความยุติธรรมให้ลูก และสงสัยว่านางป๊อบกับสามีจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ นางบี ผู้เป็นแม่กล่าวอีกว่า “หลังจากที่ตนไปแจ้งความที่สภ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ตำรวจได้เรียกตัวสองสามีภรรยาไปสอบสวนแล้วก็ปล่อยตัวไป ทั้งสองยังใช้ชีวิตอยู่ปกติดี ตำรวจบอกว่าได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกาย และกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี” ไปแล้ว ทำใจแม่ติดใจสงสัยอย่างมาก ลูกถูกทำร้ายจนจะเสียชีวิจอยู่แล้วและยังถูกข่มขืนอีกด้วย แต่ผู้ต้องสงสัยกลับยังใช้ชีวิตปกติเหมือนไม่อะไรเกิดขึ้น ล่าสุดแพทย์บอกว่า หลังรักษาน้องซีมาร่วม 20 วัน อาการไม่ดีขึ้น ผ่าตัดไม่ได้เพราะลูกอาจจะไม่รอด หรือเป็นเจ้าหญิงนิทรา ตอนนี้พบปอดติดเชื้อรุนแรง ถ้าถอดเครื่องช่วยหายใจน้องก็จะไม่อยู่แล้ว แม่ยังทำใจไม่ได้ ต้องการให้คนที่ทำกับลูกมารับโทษตามกฎหมาย จึงมาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยทวงความเป็นธรรมให้ด้วย ลูกของตนจะต้องไม่ตายฟรี”    หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน พล.ต.ต.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผบก.จว.พิจิตร และพ.ต.อ.วัชรเกียรติ ศิริวิมลฤทธิ์ ผกก.สภ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เร่งรัดคดีเนื่องจากพ่อแม่ได้แจ้งว่า แพทย์วินิจฉัยเด็กถูกทำร้ายและถูกข่มขืน ซึ่งขณะนี้เด็กอาการขั้นวิกฤติโดยหากถอดเครื่องช่วยหายใจก็เสียชีวิต โดยตำรวจจะเพิ่มข้อหาและสอบปากคำแพทย์ และนางปวีณาได้ประสานให้พ่อแม่ไปพบกับ พ.ต.อ.วัชรเกียรติ ศิริวิมลฤทธิ์ ผกก.สภ.บางมูลนาก ในวันอังคารที่ 9 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมูลนิธิปวีณาฯ…

ชาวบ้านผวาถนนหน้าวัดบ่อพังเป็นหลุมลึก4 เมตร ขนาดกว้าง 15 เมตรเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 6 เม.ย. 67 พ.ต.ต.ฐาปนพงษ์ พึ่งมี สว.จร. สภ.ปากเกร็ดได้รับแจ้ง ถนนทรุดตัว บริเวณหัวถนนท่าน้ำปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ เหตุเกิดบริเวณถนนหน้าวัดบ่อ เลขที่ 110 หมู่ 2 ตำบลปากเกร็ด ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากรวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ ต่างตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดจึ้นออกมามุงดู โดยพบว่าถนนหน้าวัดดังกล่าวเป็นถนน 2 เลน ทรุดตัวเป็นหลุมลึกประมาณ 4 เมตร กว้างประมาณ 15 เมตร มีน้ำไหลเข้าไปในหลุม ซึ่งคาดว่าเป็นน้ำซึมจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยก่อนหน้านี้มีผู้ขับขี่รถจยย มาที่จุดดังกล่าวขณะถนนกำลังทรุดจนเกือบตกลงไปในหลุมโชคดีที่ชาวบ้านช่วยเหลือ ขึ้นมาได้ด้านพระมหาสวัสดิ์ เจ้าอาวาสวัดบ่อ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 วันที่ผ่านมาทางวัดได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาก่อสร้างท่อร้อยสายไฟฟ้าว่าที่วัดได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างดังกล่าวเพราะดินทรุดตัว ทำให้พื้นโบสถ์และเสาแตกร้าว โดยทางเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะเข้ามาดูแลจัดการให้ แต่ยังไม่ทันไรก็เกิดเหตุถนนหน้าวัดทรุดตัวในวันนี้  พ.ต.ต.ฐาปนพงษ์ พึ่งมี สว.จร. สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า โครงการนี้เป็นของโครงการของไฟฟ้า โดยมีการเดินท่อร้อยสายไฟก่อนหน้านี้อยู่หลายวันส่วนเหตุที่เกิดขึ้นหน้าคาดว่าน่าจะเกิดจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ แต่ยังไม่ยืนยันแน่ชัด ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

หนุ่มขี่รถจยย.กลับจากงานเลี้ยงขับย้อนศรประสานงารถเก๋งดับ เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 6 เม.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางกรวย ได้รับแจ้งเหตุหนุ่มขี่รถจยย.ย้อนศร ชนประสานงากับรถยนต์เก๋ง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณ ใกล้เคียงปากทางเข้าวัดบางไกรนอก ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย.จ. นนทบุรี จึงพร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรีบตรวจสอบ      ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลน บริเวณเลนขวาพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน 8 กฬ 6350 กทม. สภาพรถด้านหน้าฝั่งขวาพังยับ กระจกหน้ารถแตก ทราบชื่อคนขับขี่คือนายวัลลภ ทองอยู่ อายุ 30 ปี อาชีพพยาบาลวิชาชีพ รพ.บางใหญ่ ยืนรอให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ห่างไปเล็กน้อยพบรถจยย. ฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีเทาคาดดำ ไม่ติดตามป้ายทะเบียน สภาพรถ ด้านหน้าพังเสียหาย ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว ใส่กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ พบบาดแผลบริเวณศีรษะแตกลำตัวมีรอยฟกซ้ำทราบชื่อคือนายนิกร อุดคำเที่ยง อายุ 29 ปี อาชีพพนักงานบริษัทฯ ที่อยู่เลขที่ 17/267 ม.9 ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี      จากการสอบถามนายวัลลภ ทองอยู่ อายุ 30 ปี อาชีพพยาบาลวิชาชีพ รพ.บางใหญ่ เล่าว่า ตนขับรถมาคนเดียว จากโรงพยาบาลบางใหญ่ กำลังจะกลับบ้านแถวแยกแคราย พอมาถึงที่เกิดเหตุตนขับอยู่เลนขวา จู่ๆรถจยย.ผู้เสียชีวิตขับย้อนศรมาพุ่งชนรถของตน ตกใจมากรีบเหยียบเบรคแต่ไม่ทันชนประสานงาอย่างแรงทำให้คนขับขี่รถจยย.เสียชีวิต      เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องหน้ารถของผู้ขับขี่รถยนต์เก๋ง ก่อนจะนำตัวคนขับไปสอบสวนที่สภ.บางกรวย เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

หนุ่มวิศวะร้องแก๊งเงินกู้ “ซ้อส้ม” ลวงทำร้ายสาหัส จ่ายดอกเบี้ยกว่าเท่าตัวเมื่อเวลา 13.30 วันที่ 6 เม.ย. ที่ทำการเพจสายไหมต้องรอด แขวงและเขตสายไหม กทม.หนุ่มวิศวกรอายุ 32 ปี ร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังถูก "ซ้อส้ม" แก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบยกพวกมาทำร้ายร่างกาย หลังเจ้าหนี้รู้ว่าขอความช่วยเหลือเพจกัน จอมพลัง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา   ผู้เสียหายเล่าว่าเดิมที่ตนทำงานเป็นวิศวะกร ต่อมา ตนเองผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายข้าวหน้าเนื้อหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านปิ่นเกล้า  ต่อมา ช่วง เมื่อช่วงเดือน ก.ย.ปี 2566  ตนหมุนเงินไม่ทัน ต้องการกู้เงินมาลงทุนเพิ่ม กระทั่งมีฟีดขึ้นมาในหน้าเฟซบุ๊กเป็นกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบ ของ "ซ้อส้ม" ดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวัน ตนเองจึงทักไปที่เฟซบุ๊คดังกล่าวและ เริ่มต้นกู้ก้อนแรก 10,000 บาท และหลังจากนั้นก็มีการกู้ต่อเนื่องเพื่อมาลงทุน รวมยอดกู้ 70,000 บาท ต้องส่งดอกเบี้ยวันละ 1,500-3,000 บาท โดยกำไรที่ขายอาหารทั้งหมดก็ต้องนำมาจ่ายดอกเบี้ย จนสุดท้ายชำระดอกเบี้ยไปแล้ว 150,000 บาท และเจ้าหนี้ยังส่งคนตามมาทวงหนี้ถึงบ้าน ข่มขู่ให้จ่ายเงิน และถูกยึดรถจยย.และโทรศัพท์มือถือ มูลค่ารวม 1 แสนบาท แต่ซ้อส้มก็ยังอ้างว่าเหลือหนี้อีก 90,000 บาท ให้นำเงินสดมาจ่าย ส่วนที่จ่ายไปทั้งหมดเป็นเพียงดอกเบี้ยเท่านั้น ตนเองจึงต้องไปกู้หนี้นอกระบบเจ้าอื่นเพื่อมาจ่ายหนี้ซ้อส้ม แต่สุดท้ายซ้อส้มก็บังคับให้กู้เงินซ้อส้มเพื่อไปจ่ายหนี้เจ้าอื่นให้หมด และให้มาจ่ายแต่หนี้ซ้อส้มเท่านั้น  จากนั้น ผู้เสียหายจึงเริ่มทยอยขายทรัพย์สินส่วนตัวและเริ่มยิมยืมเงินจากญาติพี่น้องมาเพื่อใช้จ่าย ประทังชีวิต ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ซ้อส้มยึดไปนั้น ซ้อส้มก็ไปเปิดดูข้อมูลในโทรศัพท์ พบข้อความว่าผู้เสียหายขอความช่วยเหลือกับเพจกันจอมพลัง ทำให้ซ้อส้มเกิดความโมโหส่งคนมารุมกระทืบ โดยทำทีเป็นขอซื้อกล้องที่ตนเองเคยโพสต์ขายผ่านทางเฟซบุ๊กไว้ และนัดหมายดูสินค้าที่ปากซอยพระยาสุเรนทร์ 38 กทม. เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อเวลานัด กลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คนและผู้หญิง 2 คน หนึ่งในนั้นคือ ซ้อส้ม ลงมารุมกระทืบ เบ้าตาซ้ายแตก โชคดีมีพลเมืองดีรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่กลุ่มเจ้าหนี้ก็ยังบอกอีกว่าากไม่นำเงินมาใช้หนี้ ก็จะกลับมาทำร้ายอีก จนต้องหนีไปอยู่บ้านญาติที่ภาคใต้ และพักรักษาตัวนานกว่า 2 เดือน แต่ด้วยความเป็นห่วงครอบครัว จึงขอความช่วยเหลือมาทางเพจสายไหมต้องรอด เพราะปัจจุบันแฟนสาวถูกกดดันอย่างหนักจนป่วยเป็นโรควิตกกังวล  ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ฝากถึงพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 และตำรวจท้องที่ ให้เร่งติดตามจับกุมลูกน้องซ้อส้มที่ก่อเหตุรุมกระทืบมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะท้าทายนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรื่องมาเฟียเงินกู้ ส่วนตัวซ้อส้ม มีรายงานว่าเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เหลือลูกน้องอีก 5 คนที่ตำรวจออกหมายเรียกไปแล้ว 3 ครั้ง แต่ยังไม่เข้ามาพบ

สืบนครบาลรวบป๋าตือ เจ้าของคณะเชิดสิงโตล่วงละเมิดเด็กหญิง 8 ขวบ เสียงร้องไห้ที่ชวนขนหัวลุกในทุกค่ำคืน เสียงที่ไม่มีที่มาที่ไปเป็นเวลาหลายปี นำมาสู่การไขคดีสุดแสนสะเทือนใจไม่ใช่เรื่องอาถรรพ์ในบ้านแต่มันเป็นเสียงร้องไห้ของ “น้องเอ” (นามสมมุติ) วัย 13 ปี ที่แอบร้องไห้ตลอดระยะเวลา 4 ปี  จุดเริ่มต้นเมื่อพ.ศ.2561  ขณะนั้นน้องอายุ 8 ปี   ได้ถูกป๋าตือ” ผู้เฒ่าวัย 70 ปีเจ้าของคณะเชิดสิงโตย่านดินแดงล่วงละเมิด แล้วหลบหนีไป จึงมาขอความช่วยเหลือต่อผู้การจ๋อ  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้สืบสวนจับกุมตัวคนร้าย เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวน้องผู้เสียหาย               เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์  วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.,  , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ ,  ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น.  , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ   อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์  รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว             นายปิ๋ว อายุ 70 ปี ภูมิลำเนา ซ.เทียนทะเล 28 ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1210/2567 ลงวันที่ 22 มี.ค. 67              โดยกล่าวหาว่า  “พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร , กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี , กระทำชำเราแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร”            จับกุมตัวได้ที่ บริเวณ หมู่บ้านการเคหะ ซ.นวมินทร์45 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร          พฤติการณ์กล่าวคือ เสียงร้องไห้กระซิกเบาๆที่ชวนขนหัวลุกในทุกค่ำคืน ภายในบ้านหลังหนึ่งย่าน จ.นนทบุรี โดยหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกๆที่พักอาศัยอยู่ในบ้านต่างสัมผัสได้ถึงเสียงที่ไม่มีที่มาที่ไปนี้มาเป็นเวลาหลายปี แต่ก็ไม่สามารถทราบถึงต้นตอของเสียงได้ จนกระทั่งกลางปี พ.ศ.2566 จุดเริ่มต้นของเรื่องราวแสนหดหู่ได้แดงขึ้น เมื่อบุตรสาวคนสุดท้องที่พักอยู่ในบ้านหลังนี้กับเธอได้มาพูดว่า “หนูอยากย้ายบ้าน” โดยมีใบหน้าและท่าทางที่สุดแสนจะเศร้าหมอง เธอเริ่มถามไถ่สาเหตุจากบุตรสาวจนได้ทราบว่า แท้จริงแล้วเสียงที่ชวนขนหัวลุกทุกค่ำคืนนั้นไม่ใช่เรื่องอาถรรพ์ในบ้านของเธอ แต่มันเป็นเสียงร้องไห้ของ “น้องเอ” (นามสมมุติ) บุตรสาววัย 13 ปี ของเธอที่แอบร้องไห้ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สัญชาตญาณผู้เป็นแม่สัมผัสได้ถึงเรื่องเลวร้าย โอบกอดผู้เป็นแม่ทำให้น้องเอพร้อมระบายความอัดอั้นกว่า…

#สดจากลุมพินี 🚨 ศึกใหญ่ไตรมาสแรก 10 คู่ไม่มีลิมิต คืนนี้เกินร้อย "ซุปเปอร์บอน vs มารัต" ชิงเข็มขัด บอสเตรียมโบนัสชกดีมีแจกทุกคู่! #ONELumpinee58 [fb_vid id="2048470362215361"] ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/732866742393035 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

“ทนายตั้ม” นำหลักฐาน พา “พิมพ์วิไล” บัญชีม้า ให้ข้อมูล ตร.โยง ผบ.ตร. #ทนายตั้ม #หลักฐาน #บัญชีม้า #raiderreporter #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/732729309073445 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

ป.ป.ส.ขยายผลเครือข่าย ‘บิ๊กไบค์’ ขนยาของกลาง1.8ล้านเม็ด ล่ายึดทรัพย์ 6 จังหวัด29 ล้าน #ปปส #บิ๊กไบค์ #ขนยา #raiderreporter #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/732729632406746 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

CHANGE LANGUAGE
Powered by
คนข่าวออนไลน์ khonkhao.com
ตีแผ่ ทุกเรื่องราว เจาะลึกทุกความจริง ช่วยเหลือทุกพื้นที ด้วยทีมข่าวมืออาชีพ
บริการของเรา
รูปภาพของเรา
ที่ตั้งของเรา
บัญชีชำระเงิน

คนข่าวออนไลน์ khonkhao.com

ตีแผ่ ทุกเรื่องราว เจาะลึกทุกความจริง ช่วยเหลือทุกพื้นที ด้วยทีมข่าวมืออาชีพ

แชร์หน้านี้
โหลดหน้าใหม่
คัดลอกลิงก์