ผัวง้อเมียไม่สำเร็จชักอาวุธปืนยิงเมียกระสุนฝังปอดเจ็บสาหัส ครอบครัวผวา หวั่นกลับมาก่อเหตุซ้ำ  เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 9 เม.ย. 67 ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จังหวัดนนทบุรี ลงพื้นที่บริเวณบ้านเลขที่ 41/4 หมู่ 2 ต.ขุนศรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากนางสุนิษา ลาสะมอ อายุ 57 ปี (แม่ผู้เสียหาย) และน.ส.ศิรินทร์ทิพย์ บุญเพ็ชร อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ตำบลขุนศรี (ญาติผู้เสียหาย) ว่าเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 16.30 น. นายอนุชา ศรีจำปาทอง หรือนายนุ อายุ 33 ปี (ลูกเขยผู้ก่อเหตุ) ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิด ยิงลูกสาวคือน.ส.ธีรดา ผู้ดี หรือน้องวิน อายุ 33 ปี (ผู้เสียหาย) กระสุนปืนเฉี่ยวศีรษะ ถูกกลางหลังฝังทะลุอยู่ในปอด ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังตามง้อไม่สำเร็จ ก่อนจะขับขี่รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 ฒฉ 1787 กทม. หลบหนีไป แจ้งความไว้ที่สภ.ไทรน้อย  จากการสอบถามน.ส.ศิรินทร์ทิพย์ บุญเพ็ชร อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้านตำบลขุนศรี (ญาติผู้ได้เสียหาย) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ตนได้รับการประสานจากนางสุนิษา ให้ไปรับน้องวิน หลังโดนสามีชื่อนายนุ ตบตีหลบอยู่ในปั๊ม ตนจึงรีบไปรับแล้วพาน้องวินไปแจ้งความ เพราะโดนสามีตบตีมาหลายครั้งแล้ว ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วกลับมาบ้าน หลังจากนั้นตอนเย็นวันเดียวกันนายนุได้มาเก็บของที่บ้าน ได้นำรถจยย.และเอกสารของน้องวินไปด้วย ตนเลยให้น้องวินหลบออกจากบ้านไปก่อนกลัวว่านายนุจะกลับมาทำร้ายอีกรอบ หลังจากนั้นตนได้โทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่บ้านที่นายนุอยู่ ให้เอารถจยย.กลับมาเพราะน้องวินต้องขับไปทำงาน พอตกกลางคืนนายนุได้นำรถจยย.มาคืน แต่นำรถจยยอีกคันไปด้วย บอกว่าจะเอาไปใช้ หลังจากเอารถจยย.ไปแล้วได้ขับรถไปตามน้องวินตามที่ทำงานและบ้านเพื่อน สร้างความเดือดร้อนรำคาญ จนวันที่เกิดเหตุวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. ตอนเช้า ทางแม่ของน้องวินโทรมาแจ้งตนว่าให้มาดู พบว่านายนุนอนอยู่บนเปลหลังบ้านตน เลยสอบถามว่าทะเลาะกันเรื่องอะไรตนจะไกล่เกลี่ยให้เลยให้แม่โทรเรียกน้องวินให้มาไกล่เกลี่ยที่สภ.ไทรน้อย ทางนายนุจะขอคืนดีแต่น้องวินยืนยันว่าจะเลิก และไม่ถอนแจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกาย เลยลงบันทึกประจำวันกันเป็นครั้งที่ 2 ว่าจะเลิกแล้วต่อกันไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆทั้งสิ้น ไม่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ทางผู้ชายยอมเซ็นแต่มีอาการโมโหแล้วแยกย้ายกันกลับ ไม่คิดว่านายนุจะมารออยู่ที่บ้าน ทางน้องวินกับแม่มาถึงบ้าน ปรากฏว่านายนุอยู่บนห้อง ได้ยินเสียงปึงปัง ตนขึ้นไปดูตนเลยบอกว่าเหมือนจัดฉากผูกคอตายเอาเชือกผูกกับขื่อแล้วเอาถังวางตัวนอนอยู่ที่พื้น ทำให้นายนุไม่พอใจชี้หน้าด่าตน ก่อนจะรีบกลับออกไปจากบ้าน ไม่ถึง 5 นาที นายนุกลับมาอีกครั้งอ้างว่าจะมาเอาเครื่องเสียง ตอนนั้นตนนั่งจับกลุ่มคุยกันกันหลายคน รวมทั้งน้องวินแล้วก็แม่ของน้องวิน นายนุเดินไปเดินมารอบบ้าน มาโผล่ที่หน้าต่างพยายามพูดง้อน้องวินแต่ไม่สำเร็จเลยตะโกนมาว่า "มึงจะเอาแบบนี้ใช่ไหม" ก่อนจะชักอาวุธปืนยิงน้องวินจำนวน 1 นัด กระสุนเฉี่ยวศีรษะทะลุหลังฝังที่ปอด ทางหมอบอกว่าถ้าผ่าตัดจะอันตรายกว่าไม่ผ่า ล่าสุดได้เจาะเอาออกซิเจนออกเพราะหายใจติดขัด หลังก่อเหตุนายนุได้หลบหนีไป ตนกับแม่ของน้องวินจึงได้เดินทางเข้าไปแจ้งความที่สภ.ไทรน้อย ข้อหาพยายามฆ่า แต่ไม่จบ เมื่อวานตอน 2 ทุ่ม มีคนเห็นนายนุขับรถกระบะมาแถวบ้านตน รู้สึกหวาดกลัวมากเพราะที่บ้านนี้มีแต่ผู้หญิงทั้งบ้าน มีทั้งเด็ก ทั้งคนแก่ ตนเลยร้องขอความช่วยเหลือจากดร.แก้ว ให้ช่วยประสานตำรวจมาคอยสอดส่องดูแล เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัยและอยากให้ช่วยเร่งรัดตำรวจติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว กลัวว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุซ้ำ นางสุนิษา อายุ 57 ปี (แม่ผู้เสียหาย) กล่าวว่า ลูกสาวตนคบกับลูกเขยได้ 2 ปี ตอนแรกแอบคบกันและก็ไปอยู่ที่บ้านของผู้ชาย พอตนรู้ในหลักศาสนาอิสลามจะต้องทำให้ถูกต้อง ตนไม่รู้ว่านิสัยของลูกเขยเป็นคนยังไง แต่ลูกสาวบอกว่าดีรับได้ที่มีลูกติด 2 คน ตนจึงไม่ขัดขวาง และจัดพิธีให้ถูกต้องเพียงเล็กๆน้อยๆ แต่ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อย หาเงินไม่พอใช้ก็มาขอลูกสาวตน เวลามีปากเสียงกันก็จะทุบตีลูกสาวตน ต่อหน้าหลานก็เคยทำ ส่วนใหญ่ทะเลาะกันเรื่องเงินไม่พอใช้ ขอยืมแต่ไม่คืน ตอนนี้ตนรู้สึกกลัวมากเลย ต้องปิดบ้านหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะเหตุการณ์วันนั้นอุกอาจมาก เกิดมายังไม่เคยได้ยินเสียงปืน แต่ลูกเขยยิงเข้ามาในบ้านน่ากลัวมาก ตนนั่งอยู่กับลูกสาวและหลานในบ้าน วิ่งหนีกันเข้าห้องน้ำเพื่อให้ปลอดภัย ตอนนี้ลูกสาวตนได้รับบาดเจ็บถูกยิงกระสุนฝังในปอด เมื่อเช้าหมอใหญ่เข้ามาใส่สายยางเข้าไปดูดลมในปอดออกมา ยังไม่ปลอดภัย ตนยังไม่ได้ไปเยี่ยม แต่โทรหากันตลอด ลูกเขยตนติดยาด้วย ตนก็ไม่รู้ถ้ารู้แต่แรกคงไม่เอาเพราะตนไม่ชอบ ตนอยากบอกกับลูกเขยว่าต่อไปนี้อย่าทำแบบนี้อีก และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับไปดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ ทำผู้หญิงมันผิดกฎหมาย และเป็นสามีภรรยากันมาทำแบบนี้มันก็ไม่มีความสุข ตำรวจบอกว่าจะตามจับกุมให้โดยเร็ว ตนก็เชื่อว่าตำรวจจะทำได้ ดร.แก้ว กล่าวว่า ตนได้ประสานงานกับตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีให้ช่วยเร่งรัดคดีในการจับกุมผู้ต้องหารายได้ให้ได้ไวที่สุด เนื่องจากผู้เสียหายหวาดกลัวมากเพราะในครอบครัวมีแต่ผู้หญิงอยู่ทั้งบ้าน ต้องหลบหนีไปอยู่ที่อื่น ไม่กล้าอยู่ในบ้านตัวเอง ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ไทรน้อย…

เศษแผงกั้นบริเวณโค้งอถรรพ์บนสะพานพระราม4 ล่วงบนถนน วินจยย.เผยโชคดีติดไฟแดงจึงไม่มีใครบาดเจ็บจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ปรีดา ขวัญเกิด ได้โพสต์ภาพเศษแผงกั้นบนสะพานพระราม4 มีความหนาประมาณ 1.5 ซม. มีปลายแหลมคม ได้ล่วงหล่นบนถนน พร้อมข้อความระบุว่า “ ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งแก้ไข มีเศษเศษแผงกั้นบนสะพานพระราม4 ล่วงหล่นลงบนถนน โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดวันนี้ (9เม.ย.67) เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณ ถนนภูมิเวท หน้าห้างเมเจอร์ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบเศษแผงกั้นเป็นแผ่นอะคริลิคใสมีความหนาประมาณ 1.5 ซม. ลักษณะเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่วปลายแหลมคม ล่วงหล่นอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ส่วนบริเวณแผงกั้นด้านบนเมื่อเวลาปนะมาณ 11.00 น.เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบท แขวงชัยพฤกษ์ได้ดำเนินการแก้ไขโดยถอดแผ่นกั้นที่ชำรุดบนสะพานพระราม4 และจะเตรียมปรับปรุงซ่อมแซมในเร็วๆนี้ สอบถามนายเฉลิม เผือกอ่วม อายุ 51 ปี วิจยย.ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันนี้ช่วงเวลาประมาณ 05.40 น. ตนได้ออกมาขับจยย.รับจ้างตามปกตินั่งอยู่กับคนที่วิน 3 คน ได้ยินเสียงคล้ายรถชนบนสะพานพระราม 4 ดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นเศษแผงกั้นด้านบนก็ได้ล่วงหล่นลงมาบนถนน ตนตกใจจึงมองขึ้นไปด้านบนก็ไม่พบรถชนกัน จึงคาดว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากรถบรรทุกพ่วงท้ายอาจจะไปชนกับแผงกั้นจนทำให้ชำรุดและเศษล่วงหล่นลงมาด้านล่าง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าโชคดีเพราะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายและทรัพย์สินเสียหายใดใด ซึ่งตอนเกิดเหตุเป็นเวลาช่วงเช้ามืดและรถกำลังติดไฟแดงอยู่หากเป็นไฟเขียวรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ที่ขับผ่านมาอาจจะรับอันตรายถึงชีวิตได้เนื่องจากเศษที่ร่วงหล่นลงมาเป็นเศษอะคริลิคที่มีความหนาประมาณ 1.5 ซม.และมีปลายที่แหลมคม หากโดนคนอื่นอาจอันตรายถึงชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสได้ทันที  ทางด้านนายพัด อายุ 65 ปี วินจยย.อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนรู้สึกตกใจมากซึ่งจุดเกิดเหตุดังกล่าวนั้นบนสะพานจะเป็นช่วงหัวโค้งเล็กๆ ขอบสะพานที่ ชำรุดร่วงหล่นลงมาจุดนี้เป็นจุดที่มีคนเสียชีวิตมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นโค้งอาถรรพ์ของชาวปากเกร็ดก็ว่าได้ แต่ถือว่าโชคดีเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีใครได้รับอันตราย ซึ่งตนก็รู้สึกกลัว หากขับวินอยู่จุดดังกล่าวก็อาจจะ ได้รับบาเจ็บหรือเสียชีวิตได้ แต่ตอนนี้ทางหน่วยงานได้นำแผงกั้นด้านบนออกไปแล้วน่าจะกำลังซ่อมแซมปรับปรุงแก้ไขใหม่อีกไม่นาน

"บุ๋ม ปนัดดา" แจ้งความถูกตัดต่อภาพไปโปรโมตเว็บพนัน ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากโดยบุ๋ม ปนัดดา ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่ามีเพจเฟซบุ๊คเพจหนึ่ง ยิงโฆษณาชักชวนเล่นเว็บพนันออนไลน์ โดยนำภาพของตนมาตัดต่อประกอบข้อความทำนองว่า ตนเล่นเว็บพนันเว็บนี้และได้ผลตอบแทนจำนวนมากจนสามารถออกรถให้พ่อได้ เพื่อชักชวนให้มาเล่นเว็บพนันดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดและเป็นเรื่องที่ตัวรับไม่ได้อย่างมาก โดยเฉพาะการแอบอ้างบุพการีของตน เพราะจริง ๆ แล้ว รถยนต์ที่อยู่ในภาพนั้น ตนเป็นคนซื้อให้พ่อของตนเอง ไม่เกี่ยวกับเว็บพนันแต่อย่างใด  ซึ่งการตัดต่อภาพในลักษณะแบบนี้นั้น ทำให้ตนได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ จึงตัดสินใจเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับเหตุดังกล่าวและยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเป็นพนันออนไลน์เว็บนี้ โดยมั่นใจว่า ทางพนักงานสอบสวนจะทำงานอย่างเต็มที่และจะส่งเรื่องให้ตำรวจไซเบอร์ช่วยตรวจสอบ Server หรือที่มาของเพจดังกล่าว เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป  บุ๋ม ปนัดดา ยังฝากแจ้งเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อกับเว็บพนันออนไลน์เหล่านี้ เพราะพวกขบวนการเว็บพนันออนไลน์มักจะนำภาพถ่ายของดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาตัดต่อเพื่อโฆษณาชักชวนเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่มีคนในวงการบันเทิงคนไหนที่จะเอาชื่อเสียงมาแลกกับการกระทำผิดกฎหมายเช่นนี้ อีกทั้งตนยังขอฝากให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันเร่งรัดจัดการบรรดาเว็บพนันออนไลน์เหล่านี้ให้หมดไป เพราะที่ผ่านมาก็ปรากฏข่าวว่า คนติดเว็บพนันออนไลน์แล้วเกิดคลุ้มคลั่งไปก่อนคดีลักวิ่งชิงปล้นอื่น ๆ ถือเป็นภัยสังคม จึงอยากฝากขอให้ช่วยกันกำจัดโดยพนันออนไลน์เหล่านี้ให้หมดไป  โดยหลังจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความและจะนำไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม พร้อมทั้งจะประสานกับตำรวจไซเบอร์ในการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป

กองบังคับการตำรวจจราจรเตรียมกำลังพลกว่า 8,000 นายดูแลความปลอดภัยช่วสงกรานต์ พลตำรวจตรีธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  เป็นประธานปล่อยแถวกำลังพลในสังกัดเพื่อจัดการด้านการจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 พร้อมด้วยพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) ณ บริเวณลาน หน้ากองบังคับการตำรวจจราจร หรือ บก.จร. โดยพลตำรวจตรีธวัช กล่าวว่า  ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้กองบังคับการตำรวจจราจรได้เตรียมกำลังพลเต็มอัตรากว่า 8,000 นาย บูรณาการร่วมกับสถานีตำรวจในพื้นที่ หน่วยรักษาความปลอดภัย สายตรวจ 191  ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ทั้งในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และสถานที่จัดงานต่าง ๆ  โดยสำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น ได้กำชับให้เฝ้าระวังในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมาก เช่น สนามหลวง ถนนข้าวสาร ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์ ที่จัดงานคอนเสิร์ตต่างๆ และได้ออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร เพื่อขอความร่วมมือประชาชนห้ามนำรถทุกชนิด หรือห้ามนำรถบรรทุกน้ำเข้าไปในถนนบางเส้นทาง เช่น ถนนข้าวสาร ถนนสีลม กำหนดเส้นทางเดินรถทางเดียว เพื่อให้เล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้อย่างปลอดภัย และใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวังระมัด   ขณะที่การเดินทางของประชาชนนั้น คาดว่าในปีนี้จะทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาเร็วขึ้นตั้งแต่ก่อนช่วง7 วันอันตราย เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปที่คาดว่าจะ มีประชาชนร้อยละ 30 เริ่มออกเดินทาง และจะมากที่สุดในช่วงวันที่ 11 และ 12 เมษายน ทางกองบังคับการตำรวจจราจรได้ เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวก และประชาสัมพันธ์ให้ทราบเส้นทางเลี่ยงและเส้นทางต่าง ๆ ที่จะใช้ในช่วงเทศกาล เตรียมความพร้อมร่างกายและตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทาง ซึ่งทางบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้จัดบริการตรวจสอบสภาพรถในวันที่ 11 เมษายน ตั้งเป้าปีนี้จะสามารถลดอุบัติเหตุทางถนนได้ร้อยละ 5 จากปีที่ผ่านมา

สอบเข้ม อ.น๊อตตี้ ใบ้หวย หลังถูกจับคาไลฟ์สดชุดปฏิบัติการพิเศษ DE บุกจับ อาจารย์น๊อตตี้ ใบ้หวย กลางไลฟ์สด พบพกอาวุธปืนขณะไลฟ์สด ขณะที่ลูกศิทษ์เชื่อ อาจารย์น๊อตตี้ไม่มีพฤติกรรมใบ้หวย ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางดิจิทัล ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DE นำโดย พันตำรวจเอก ณรัฐช์พงศ์ อุดมศรี  ผู้กำการกลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2  ในฐานะหัวหน้าชุดจับกุม นำหมายจับของศาลอาญามีนบุรีและหมายค้นของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าตรวจค้นจับกุม นายนัฐพงษ์ ศุภพิตร หรืออาจารย์น๊อตตี้ ที่ตำหนักปู่ใหญ่ อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ ขณะที่ อาจารย์น๊อตตี้ กำลังไลฟ์สดใบ้หวย ผ่านเฟสบุ๊กอยู่ที่ตำหนักปู่ใหญ่ ซึ่งขณะจับกุมนั้น อาจารย์น๊อตตี้ พกอาวุธปืนติดตัว ตำรวจได้แสดงหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหา  “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ปลอม บิดเบือน, ร่วมกันประกาศหรือโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมกับได้ยึดโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก และรถยนต์ เป็นของกลาง และคุมตัวจาก จังหวัดกาฬสินธุ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.บางเขน ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับ พันตำรวจเอก ณรัฐช์พงศ์ หัวหน้าชุดจับกุม บอกว่า จากการสืบสวนพบพฤติการณ์ของ อาจารย์น๊อตตี้ ในการหลอกลวงให้ประชาชนเล่นหวย ทั้งไทย ลาว เวียดนาม / จากการติดตามจับกุม ทางตำรวจได้ใช้สายลับเข้าไปเล่นพนันแทงหวยผ่านเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ “นัฐพงษ์ ศุภพิตร หรืออาจารย์น๊อตตี้” จากนั้นก็ขอหมายศาลอาญามีนบุรี เนื่องจากทำการล่อซื้อในพื้นที่ สน.บางเขน / จากการสอบปากคำเบื้องต้น เริ่มมีพฤติกรรมใบ้เลข มาประมาณ 4-5 ปี และในชั้นจับกุม ยังคงให้การปฏิเสธ บอกว่า “เฟซบุ๊กดังกล่าวไม่ใช่ของตัวเอง และไม่ได้รับพนัน” ขณะที่ สน.บางเขน เช้าวันนี้ อาจารย์น๊อตตี้ ที่ถูกคุมตัวมายัง สน.บางเขน ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ / รวมถึงช่วงเช้า ได้มีลูกศิษย์ ที่เดินทางมาจาก จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นำข้าว น้ำดื่ม และหมอนรองคอ มาเยี่ยม อาจารย์น๊อตตี้ที่ถูกคุมขังอยู่ และบอกสั้น ๆ กับทีมข่าว ว่า เครียดเป็นธรรมดา และยืนยันว่าเท่าที่ตนทำงานและรู้จัก อาจารย์น๊อตตี้ ไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น ส่วนเพจที่นำไปสู่การจับกุมนั้น ลูกศิษย์ บอกว่าเป็นเพจปลอม อาจารย์น๊อตตี้เคยไปแจ้งความมาแล้ว เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่วนเมื่อถามว่าแล้ง อาจารย์น๊อตตี้มีเพจจริงกี่เพจ ก็ไม่สามารถตอบได้ บอกว่าตนเองทำงานคนละส่วนกัน